เวียดนาม กลายมาเป็นอีกหนึ่งปลายทางที่เป็นที่นิยมของคนไทย เพราะอยู่ไม่ไกลใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงจากประเทศไทย โดยเฉพาะ “เวียดนามกลาง” เมืองเว้ ดานัง ฮอยอัน ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวในเวียดนามกลาง หรืออยากจะไป’ เที่ยวเวียดนาม ‘สักครั้งแล้วยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน เราคัดที่เที่ยวเจ๋งๆ ของเวียดนามกลางมาให้แล้ว ไปดูกันได้เลย

📲 ชมโปรแกรมทัวร์เวียดนามกลางได้ที่: ทัวร์เวียดนาม
เมืองดานัง : เที่ยวเวียดนาม
อยู่ในโซนภาคกลางของประเทศเวียดนาม อยู่ห่างจากเมืองฮานอยไปทางทิศใต้ 764 กิโลเมตร และห่างจากเมืองโฮจิมินห์ไปทางทิศเหนือ 964 กิโลเมตร ทิศเหนือติดกับเมืองเว้ ทิศตะวันตกและทิศใต้ติดกับจังหวัดกว่างนาม ส่วนทิศตะวันออกติดกับทะเลจีนใต้ เมืองดานังเป็น “เมืองที่มีหาดทรายขาว และมีภูเขาหินอ่อนสลับซับซ้อน” และยังเป็นเมืองที่สำคัญ เพราะในแถบนี้มีหมู่บ้านชาวประมงจำนวนมากจึงทำให้เป็นเมืองทางการค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเวียดนาม
1.บานาฮิลล์ เป็น “แหล่งท่องเที่ยวตากอากาศมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1” โดยได้เกิดแนวคิดการ “สร้างบ้านพักและโรงแรมจากชาวฝรั่งเศส” ที่ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันรัฐบาลเวียดนามได้กลับมาบูรณะให้เป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศอีกครั้ง พร้อมกับสร้าง กระเช้าลอยฟ้า ที่มีความสูงถึง 5,801 จากระดับน้ำทะเล เพื่อใช้เป็นเส้นทางสำหรับขึ้นไปยังยอดเขานั่นเอง
ยังมีโซนสวนดอกไม้ LE JARDIN D’AMOUR โซนสวนดอกไม้สไตล์ฝรั่งเศส มีดอกไม้หลากหลายพันธุ์ถูกจัดเป็นสัดส่วน ปลูกสลับสีสันเป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างสวยงาม
เขยิบมาอีกนิด สะพานโกเด้นบริดจ์ (Golden Bridge) “สะพานลอยฟ้าในอุ้งมือยักษ์” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่พึ่งเปิดได้ไม่นานมานี้ จุดเด่นคือสะพานถูกทอดผ่านอุ้งมือหินขนาดยักษ์สองมือ โดยผู้ออกแบบจะทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลัง‘เดินอยู่บนเส้นด้ายสีทองที่ทอดอยู่ในหัตถ์ของเทพ’ ซึ่งจากมุมที่อยู่บนสะพานสีทองสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามได้อีกด้วย
ห่างกันไม่ไกลมากนัก สวนสนุก The Fantasy Park สวนสนุกที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายที่มีชื่อเสียงของนักเขียนชาวฝรั่งเศส เครื่องเล่นในสวนสนุกของบานาฮิลล์ มีหลากหลายรูปแบบมีให้ท่านเลือก อาทิ เช่น โรงภาพยนต์ 4D, โลกของไดโนเสาร์, รถไฟเหาะแมงมุม, รถราง, บ้านผีสิง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีร้านของที่ระลึกภายในสวนสน
2. สะพานมังกร สะพานข้ามแม่น้ำสายหลักของเมืองอย่าง“แม่น้ำฮาน” ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญด้านเศรฐกิจ และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองดานัง ยังเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูประเทศและเศรษฐกิจ สะพานมังกรมีความยาวมากถึง 666 เมตร ความกว้าง 37.5 เมตร และมีถนน 6 ช่องจราจรด้วยกัน โดยสะพานมังกรได้เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2013 ด้วยสถาปัตยกรรมที่บวกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานเก่าแก่ของเวียดนามเมื่อกว่าหนึ่งพันปีมาแล้ว รวมไปถึงในบริเวณนี้จะมี รูปปั้นปลามังกรพ่นน้ำ ที่ถือได้ว่าเป็นอีกสัญลักษณ์ของเมืองดานังที่คู่กับสะพานมังกร
เดินมาอีกนิด สะพานแห่งความรัก อยู่ไม่ห่างจากสะพานมังกรนัก เป็นสะพานที่ถูกตกแต่งด้วยเสารูปหัวใจทอดยาวลงสู่แม่น้ำฮาน และเมื่อเดินลงไปยังสะพานแห่งความรักจะสามารถเห็นวิวของสะพานมังกรได้อย่างสวยงาม
3.วัดลินห์อึ๋ง วัดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองดานัง ภายในวิหารแห่งนี้เป็นสถานที่บูชาเจ้าแม่กวนอิมและเทพเจ้าองค์ต่างๆ ตามความเชื่อของชาวพื้นเมือง นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นปูนของเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ มีความสูงถึง 67 เมตร ซึ่งตั้งอยู่บนฐานดอกบัวกว้างที่ถึง 35 เมตร มีความเชื่อที่ว่าคอยปกปักรักษาและคุ้มครองชาวประมงตอนที่ออกไปหาปลานอกชายฝั่ง วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีคนให้ความเคารพและเข้ามาสักการะเป็นจำนวนมาก
เที่ยวเวียดนาม เมืองเว้
ย่านเมืองเก่าของเวียดนามที่เคยปกครองด้วยจักรพรรดิ จักรพรรดิในราชวงศ์เหงียนทุกพระองค์ ตั้งแต่องค์ที่ 1 ถึงองค์ที่ 13 จะประทับอยู่ที่พระราชวังแห่งนี้ เป็นเวลานานถึง 150 ปี เมืองเว้จึงมีชื่อว่าเป็น “เมืองของกษัตริย์” และเป็นที่มาของต้นแบบทางวัฒนธรรมของเวียดนาม เช่น อาหารเวียดนาม และ ชุดประจำชาติ อ่าวหญ๋าย หรือชุดประจำชาติของสตรีเวียดนาม
4. วัดเทียนมู่ วัดชื่อดังของเมืองเว้ เป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนานิกายเซน โดดเด่นด้วย “เจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยมแบบจีน” สูงลดหลั่นกันลงมาทั้งหมด 7 ชั้น โดยที่แต่ละชั้นแทนชาติภพต่างๆ ของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ยังมีศิลาจารึก ระฆังสำริดขนาดใหญ่มีน้ำหนักถึง 2,000 กิโลกรัม รวมถึงรูปปั้นเทพเจ้า 6 องค์ ที่คอยปัดเป่าความชั่วร้ายออกไปจากวัด ซึ่งวัดแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และการเมืองเวียดนามด้วยเช่นกัน เมื่อปี พ.ศ. 2506 เจ้าอาวาสของวัดได้ขับรถออสตินสีฟ้าไปเผาตัวเอง ณ เมืองโฮจิมินห์ เพื่อประท้วงการบังคับให้ประชาชนไปนับถือศาสนาคริสต์ และใช้ความรุนแรงขัดขวางการฉลองวันวิสาขบูชาของประชาชนชาวเวียดนาม ซึ่งภายในวัดแห่งนี้จะมีรถออสตินสีฟ้าคันดังกล่าวจัดแสดงอยู่
5. พระราชวังไดโน้ย ( Dai Noi ) พระราชวังที่สร้างตามความเชื่อแบบจีน โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ซึ่ง “จำลองแบบมาจากพระราชวังกู้กงหรือพระราชวังต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่ของกรุงปักกิ่งประเทศจีน” คำว่าพระราชวังต้องห้าม กล่าวว่าภายในพระตำหนักชั้นในสุด จะเป็นเขตพระราชฐานสำหรับราชวงศ์เท่านั้น ห้ามบุคคลที่ไม่ใช่เครือญาติของกษัตริย์เข้าไปเด็ดขาด หรือหากเข้าไปแล้วก็จะไม่มีสิทธิ์ออกมาภายนอกได้ คนทั่วไปจึงเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่าพระราชวังต้องห้าม พระราชวังไดโน้ย มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ล้อมรอบด้วย คูน้ำขนาดใหญ่ทั้งสี่ด้าน พระราชวังแห่งนี้ใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ในราชวงศ์เหงียนมาทุกพระองค์ ตั้งแต่จักรพรรดิยาลอง องค์ที่ 1 จนถึง องค์ที่ 13 จักรกรพรรดิเบ่าได๋ กษัตริย์องค์สุดท้าย ซึ่งทรงสละอำนาจให้กับรัฐบาลของประธานาธิบดีโงดินห์เดียม เมื่อปี พ.ศ. 2488 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 8 ของราชวงศ์จักรี
เมืองฮอยอัน
เป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ทางตอนกลางของเวียดนาม ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว่างนาม ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากดานัง ประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในเวียดนาม ซึ่งในปี ค.ศ. 1999 “องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าของฮอยอันให้เป็นมรดกโลก” ด้วยเหตุผลว่าเป็นตัวอย่างของเมืองท่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15-19 ที่มี ‘การผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่นและของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์’ และอาคารต่างๆภายในเมืองได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี
5.หมู่บ้านกั๊มทาน หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในเมืองฮอยอัน ภายในหมู่บ้านจะเป็นสวนมะพร้าวและยังมีแม่น้ำล้อมรอบ ซึ่งในช่วงสมัยสงครามนั้นหมู่บ้านกั๊มทานจะเป็นที่พักของเหล่าทหาร และในปัจจุบันอาชีพหลักของชาวบ้านที่นี่จะประกอบอาชีพทำประมงเป็นหลักล่องเรือกระด้ง กิจกรรมสุดฮิตที่แปลกไม่เหมือนใครของชาวเวียดนาม ซึ่งจะได้รับชมวัฒนธรรมอันสวยงามของชาวท้องถิ่น และระหว่างที่ล่องเรือกระด้งอยู่นั้นชาวบ้านก็จะมีการขับร้องเพลงพื้นเมือง และนำไม้พายเรือมาเคาะเพื่อประกอบเป็นจังหวะดนตรี
6.บ้านเลขที่ 101 “บ้านที่เก่าแก่และอยู่ในสภาพสมบูรณ์สวยงามที่สุด”ในเมืองฮอยอัน มีลักษณะบ้าน 2 ชั้นที่โดดเด่นทางสถาปัตยกรรม ภายในถูกแบ่งสัดส่วนการใช้งานไว้อย่างลงตัวตามแบบฉบับชาวจีนดังเดิม ได้แก่ ห้องสมุด ห้องรับแขก และห้องครัว เป็นบ้านประจำตระกูล Tan Ky ที่ถูกสร้างมานานกว่า 75 ปี และตกทอดกันมาถึง 5 รุ่นด้วยกัน
7.สะพานญี่ปุ่น (Japanese Covered Bridge) หรือ Lai Vien Kieu ซึ่งภาษาเวียดนาม แปลว่า สะพานแห่งมิตรไมตรี ถูกสร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่นมาเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว ตัวสะพานเป็นสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะพานมีลักษณะโค้งโดยที่หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีเขียวและสีเหลืองเป็นคลื่นสวยงาม วัดฟุกเกี๋ยน “สมาคมชาวจีนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุด”ของเมืองฮอยอัน เป็นศูนย์รวมของชาวจีนที่อพยพเข้ามาในช่วงปี พ.ศ.2388-2428 จะเห็นได้จากบ้านเก่าแก่ประจำตระกูลกว่า 20 หลัง ในปัจจุบันใช้เป็นที่พบปะของคนหลายรุ่น และเป็นศูนย์กลางของการเที่ยวชมเมืองโบราณฮอยอัน จุดเด่นคืองานไม้แกะสลัก ลวดลายสวยงาม ซึ่งทึี่นี่สามารถทำบุญต่ออายุโดยพิธีสมัยโบราณคือ การนำธูปที่ขดก้นหอยมาจุดไหว้ขอพร เพื่อเป็นสิริมงคล
📲 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
Line: ไลน์อ.โซดา (อ.โซดา)
Line: ไลน์คุณเจ (คุณเจ)
Tel: 084-722-8880 (อ.โซดา)
Tel: 063-393-4600 (คุณเจ)
INBOX: m.me/sodatour2016.